เกรซ The Face Thailand SS3 รักในสิ่งที่ตัวเองเป็น เปรยอยากลองงานทุกแบบในวงการบันเทิง

ตอนนี้ The Face Men Thailand มาแรงมากกก เพราะเป็นครั้งแรกของโลกที่การประกวดเดอะเฟซเป็นผู้ชายร่วมเข้าแข่งขัน เลยทำให้มีคนสนใจกันเยอะมากๆ อย่างแคมเปญแรกก็ต้องเจอกับสิ่งที่ยากจะควบคุมอย่างเด็กซะแล้วจ้า ต้องแสดงความความอ่อนโยนที่มีต่อเด็ก ถึงในการถ่ายแบบจะมีแต่เสียงเด็กๆ ร้องไห้ ผู้เข้าแข่งขันก็สามารถคุมสถานการณ์ได้ดี และผู้ชนะในแคมเปญแรกคือทีมลูกเกด เพราะสื่อสารความเป็น Ultra men ได้ดีที่สุด

ในตอนแรกของ The Face Men Thailand ก็ได้เห็นแชมป์ของเดอะเฟซทั้งสามซีซั่นมาร่วมต้อนรับผู้เข้าแข่งขัน The Face Men Thailand พร้อมร่วมโต๊ะอาหารทานข้าวกับคุณเต้ – ปิยะรัฐ กัลย์จาฤกด้วย เลยทำให้แพรวดอทคอมคิดถึงสาวเกรซ แชมป์ของเดอะเฟซซีซั่นสาม และก่อนหน้านี้ทางแพรวดอทคอมเองก็มีโอกาสได้สัมภาษณ์สาวเกรซ – ณัฐธยาน์ บุญชมไพศาล เราเลยอยากหยิบเอาเรื่องราวที่เคยพูดคุยกันมาให้แฟนๆ ได้อ่านกันหน่อย เผื่อใครที่ดู The Face Men Thailand อยู่จะคิดถึงเหมือนกัน

หลังจากได้ตำแหน่ง The Face Thailand SS3

“คนรู้จักเรามากขึ้น งานเข้ามามากขึ้น แล้วก็รู้จักผู้ใหญ่เยอะขึ้น ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาประกวด เราไม่เคยผ่านอะไรมาก่อนเลย ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนมาก และเปลี่ยนไปในทางที่ดี แต่เราก็คอยพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ”

ทำไมถึงเลือกมา The Face Thailand SS3

“เกรซไม่เคยร่วมการประกวดอื่นๆ เลย สำหรับเดอะเฟซเกรซคิดว่ามันเป็นจังหวะ คือเกรซสนใจทางด้านนี้อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ว่าเราไม่มั่นใจเรื่องสีผิวตั้งแต่แรก ถ้าเราเข้ามาสังคมไทยจะเปิดรับเราหรือเปล่า วงการบันเทิงไทยจะเปิดรับเราไหม แต่เทรนด์ตอนนี้เขาเริ่มตอบรับเรื่องสีผิวแทนดีขึ้น เกรซเลยคิดว่ารายการเดอะเฟซเป็นรายการที่ค่อนข้างอินเตอร์ เราเลยเข้ามาสมัครและทำให้เต็มที่”

โตมาในครอบครัวเป็นแบบไหน

“ตอนเด็กๆ เกรซโตกับที่การถูกล้อบ่อยมาก แต่ด้วยความที่ว่าคุณแม่จะเป็นมองโลกในแง่ดี คอยชี้แนะไม่ให้เรารู้สึกแย่กับสิ่งที่เราเป็น คือคุณแม่พยายามฝึกให้เกรซคิดบวกมาตั้งแต่ตอนนั้น สีผิวเราแบบนี้ เราก็ไปหาไอดอลที่เราชื่นชอบที่เขาเป็นผิวสีเหมือนกัน แล้วก็พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น จริงๆ แล้วความคิดดีๆ มาจากคุณแม่เลย”

วีกรรมของพี่น้องในวัยเด็ก

แต่ละคนนี่ซนมากค่ะ ซึ่งตอนเด็กๆ เกรซไม่ค่อยเล่นอะไรที่มันเป็นผู้หญิงมากเท่าไหร่ ก็จะเป็นการเล่นฟันดาบ เล่นแบบผู้ชายเลย ด้วยความที่เราเป็นพี่คนโตแล้วมีน้องชายสองคน เราก็เหมือนอยู่กับเด็กผู้ชาย เลยแอคทีฟมาก เป็นคนชอบออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก ไปด้วยกันกับน้องชาย บาร์บี้ก็มีนะคะ แต่ไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่”

ชอบดนตรีได้อย่างไร

ที่บ้านเกรซปลูกฝังเรื่องดนตรีมาตั้งแต่เด็ก คุณพ่อเคยเป็นมือกีต้าร์ เป็นนักดนตรี คุณพ่อก็จะคอยสอนเรื่องดนตรี การฟังเพลง ส่วนคุณแม่จะคอยสนับสนุน ตั้งแต่อนุบาลเลย คุณพ่อ คุณแม่คอยสนับสนุนเรื่องดนตรีและศิลปะ ก็คือน้องชายทั้งสองคนจะมีความสามารถเรื่องดนตรีมากๆ เล่นกีต้าร์ ตีกลอง เล่นเครื่องดนตรีเป็นเกือบหมด”

น้องชายอยากลองงานในวงการบันเทิงไหม

ตอนนี้ขึ้นอยู่กับน้องชาย และตอนนี้เขาเริ่มจะชอบแล้ว เพราะเราเข้ามาในวงการ เขาเห็นผลงานที่ทำ เขาก็เริ่มเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำ ทีนี้ก็แล้วแต่เขาเลย เราจะไม่บังคับเขาถึงจะเห็นว่าเขาเหมาะที่จะมาอยู่ตรงนี้ เขาเองก็ต้องอยากมาอยู่ตรงนี้เองด้วย ตอนนี้เขากำลังดูๆ อยู่ว่าวงการเป็นยังไง คอยถามเราอยู่ตลอด  ในอนาคตไม่นาก็อาจจะได้เห็น”

การถ่ายแบบที่ปารีส

“ฟีคแบคคนรอบข้างที่เดินไปมา เขาชอบนะคะ คือถามว่าทำไมเกรซรู้ว่าเขาชอบ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก เกรซคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ปารีสเป็นเมืองท่องเที่ยว ไม่ได้มีแค่ชาวฝรั่งเศสแต่จะมีคนชาติอื่นๆ ด้วย แต่ละสถานที่ๆ เราไป ไม่ว่าจะเป็นหอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์  พระราชวังแวร์ซายส์  เป็นที่ๆ มีความยูนีคอยู่แล้ว แล้วเมื่อเราเอาผลงานของดีไซน์เนอร์ไทยไปถ่าย ณ ตรงนั้น มันเป็นอะไรที่ว้าวมาก ชาวต่างชาติที่เห็นก็จะเข้ามาถ่ายรูป ซึ่งเกรซคิดว่ามันเป็นอะไรที่ดี คนเดินมาชื่นชม รู้สึกดีใจแทนดีไซเนอร์ไทยด้วย

เลือกรับงานอย่างไร

ช่วงนี้จะเป็นงานถ่ายแบบซะส่วนใหญ่ งานอีเว้นต์ เดินแบบก็จะมีเข้ามาเรื่อยๆ การรับงานทางค่ายจะดูแลให้ด้วย แต่เกรซชอบทุกๆ ด้านในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะการแสดง ร้องเพลง เดินแบบ ถ่ายแบบ คือเกรซชอบ เกรซจะเปิดโอกาสให้กับตัวเองทุกๆ ด้าน เพราะว่าในเดอะเฟซเราก็ได้ฝึกมาทุกด้านแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นงานละคร ถ่ายภาพยนตร์ โดยเฉพาะแอคชั่นเกรซจะชอบมากๆ เลย ถ้าสังเกตจากเดอะเฟซเทปสุดท้ายคือตั้งใจมาก เกรซว่าสามารถรับได้ทุกงาน”

หวานใจให้กำลังใจอย่างไรบ้างในเรื่องงาน

เราจะติดต่อกันตลอดเวลา เราก็จะเจอกันบ่อยอยู่แล้ว วิธีการให้ดำลังใจก็คือเราจะเน้นทำกิจกรรมร่วมกัน อย่าง การออกกำลังกาย ทำอาหาร เพราะเขาชอบทำอาหารมาก ก็คือเวลาเราที่เราเหนื่อยเขาก็จะให้ดำลังใจ ดูแลเราเรื่องสุขภาพ ทำให้เราอุ่นใจ แล้วก็ได้เรื่องสุขภาพด้วย เพราะเวลาเราทำงานหนัก เขาจะเป็นคนคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน เรื่องการพักผ่อน ออกกำลังกาย ถึงกับจัดตารางให้เราเลย เรารู้สึกว่าดีจังมีคนคอยดูแลใส่ใจ ให้กำลังใจ”

ไอดอลของเกรซ

จริงๆ ไอดอลของเกรซมีเยอะนะคะ แต่ถ้าเป็นนางแบบก็ต้องคุณแม่นาโอมิ กับจีเซล บุนด์เช่น แล้วถ้าเป็นศิลปินก็ บียอนเซ่ แต่ถ้าที่สุดของเกรซเลยคือคุณแม่เจนนิเฟอร์ โลเปซ ส่วนไอดอลด้านแฟชั่น เกรซชอบรีฮันน่าเพราะเขาไม่ได้เป็นแค่นักร้อง แต่เขาเป็นไอคอน ถ้าสังเกตดีๆเขาจะเป็นคนที่หยิบอะไรหลายๆ อย่างมาแต่งตัว ให้กลายเป็นสไตล์ของตัวเอง เกรซชอบที่มีความลักซ์ชัวรี่ก็ได้ สตรีทก็ได้ ชิคก็ได้ หวาน เปรี้ยวได้ทุกอย่าง ชอบสไตล์ของรีฮันน่า เป็นแฟชั่นไอคอนที่เกรซชอบที่สุด”

แฟชั่นสไตล์เกรซ

จริงๆ เกรซเป็นคนแต่งตัวตามอารมณ์ตัวเองเลย แต่จริงๆ เกรซชอบอารมณ์ที่เป็นสตรีท แต่ไม่ได้สตรีทจ๋า ก็คือสตรีทจะบวกความลักซ์ชัวรี่ เกรซจะชอบใส่อะไรที่คล่องตัว สบายตัว สามารถไปในโลเคชั่นไหนก็ได้ มันเป็นอะไรที่เวิร์กสุด คือมันง่าย และก็ชิค มันมีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสไตล์นี้แล้ว ส่วนไอเท็มที่จะขาดไม่ได้เลยคือแจ็กเก็ต เกรซจะมีแจ็กเก็ตตัวโปรดคือแจ็กเก็ตหนังไบเกอร์จาก Zara แต่ว่าในบางลุคเราจะเอาแจ็กเก็ตตัวอื่นมาใส่ เป็นไอเท็มสุดโปรดเลยค่ะ”

ไอเท็มที่แพงสุดเท่าที่เคยซื้อ

“จริงๆ เกรซเป็นคนแต่งตัวเยอะ มีไอเท็มเยอะมาก แต่ว่าราคาจะไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้น แต่ที่ชอบและแพงเท่าที่เคยซื้อมาก็จะเป็นนาฬิกา อันนั้นเราจะใส่เท่าที่เราจำเป็น ถนอมหน่อย เพราะราคาประมาณ 5 – 6 หลัก”

ดูแลรูปร่างตัวเองอย่างไรบ้าง

เกรซชอบทำอาหารที่ดูแลสุขภาพ ก็คือผักนึ่ง แต่เราก็จะใส่เกลือทะเล  น้ำมันมะพร้าว ด้วยความที่เราเป็นคนที่ต้องดูแลสุขภาพอยู่ตลอด เพราะเราเป็นนางแบบ แต่ก็จะมีเอาพริกแกงพะแนงมาผัดรวมๆบ้าง แต่ไม่ชอบเอาอาหารไปทอด จะนึ่งมากกว่า จริงๆ เราเป็นคนกินเยอะมากๆ ในหนึ่งอาทิตย์เราจะต้องมีกินพิซซ่าบ้าง แต่หลักๆ อยู่ที่ไลฟ์สไตล์ การดูแลสุขภาพของเรา ตรงนั้นสำคัญกว่าว่าจะอ้วนหรือผอม เราไม่จำเป็นต้องกินอาหารเน้นสุขภาพเราก็ผอมได้ แต่อันนั้นมันไม่ดีต่อสุขภาพ บางคนกินยาลดความอ้วน ซึ่งเกรซไม่ค่อยเห็นด้วยกับตรงนี้ เรากินอาหารที่ช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายแข็งแรงนั่นคือเมนูหลักของเกรซมากกว่า

เคล็ดลับความงามในแบบเกรซ

ด้วยความที่เกรซเป็นคนผิวคล้ำ เลยต้องดูแลผิวมากๆ ก็จะขัดผิว นวดน้ำมันอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ต้องทาครีมสม่ำเสมอ เกรซจะทาทั้งครีมและออยล์เลย แต่กันแดดเกรซไม่ค่อยทาเท่าไหร่ เพราะเราไม่กลัวแดดแล้ว (ขำ) ส่วนมากเกรซจะชอบทาน้ำมันมะพร้าว ทาครีมก่อนนอน ทาฮันนี่บัตเตอร์ อะไรที่ถูกกับผิวสีเข้มอย่างเราคือเชียบัตเตอร์และน้ำมันมะพร้าว”

ผลงาน

เกรซจะมีผลงานเข้ามาเรื่อยๆ ทยอยเข้ามา ตอนนี้ส่วนมากจะเป็นถ่ายแบบ ออกอีเว้นต์ งานเดินแบบต่างๆ แต่ในอนาคตก็อาจจะมีงานละคร ภาพยนตร์หรือเปล่า อันนี้ก็ต้องรอชมกันต่อไป ขอบคุณแฟนๆ ที่คอยสนับสนุน คอยตามไลฟ์สไตล์ของเกรซ


 

เรื่อง : Hana (ฮานะ)

ภาพ : IG@shesgrace

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up