งดดราม่ากับชีวิต ล้มได้แต่ไม่แพ้ เกิดเป็นหญิงแย้ ต้อง Stay Strong!

แม้ว่าภาพจะดูเป็นผู้หญิงรักสนุก ชอบปาร์ตี้ ติดเพื่อน จนเป็นเหตุที่ทำให้ชีวิตคู่ที่เพิ่งเริ่มต้นเพียง 3 เดือนต้องจบลง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่จะให้ชีวิตของเธอต้องพังทลายไปด้วย

เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ตลอดสัปดาห์นี้สำหรับชีวิตรักของอดีตพริตตี้เงินล้าน หญิงแย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข กับนายแพทย์ศัลยกรรมชื่อดัง ที่วันนี้จบลงแล้วหลังจากที่แต่งงานมาได้เพียง 3 เดือน Exclusive Talk วันนี้คงไม่ถามแล้วว่าที่มาที่ไปของปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากอะไร แต่เราอยากจะรู้จักชีวิตของผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิมว่า นับต่อจากนี้ไปสถานะสาวโสดที่หญิงแย้ได้กลับมานั้น เจ้าตัวมีแพลนในชีวิตอะไรยังไงต่อไปบ้าง

ทุกวันนี้ในแต่ละวันทำอะไรบ้าง

หญิงแย้ : ชีวิตแย้ทุกวันมีแต่เรื่องงานแทบไม่มีเรื่องอื่นเลย (หัวเราะ) จะมีแค่น้อยวันเท่านั้นที่จะมีให้กับครอบครัวบ้าง คือตื่นเช้ามาประมาณ 7-8 โมง ถ้ามีถ่ายงานอะไรที่ใช้หน้าสดก็จะต้องถ่ายทำก่อน หลังจากนั้นค่อยแต่งหน้า ถ้าเป็นปกติที่ต้องออกนอกบ้าน มีงานนอกบ้าน แย้ก็จะตื่น 7-8 โมง แล้วก็แต่งหน้า ทำผม พอเสร็จงานกลับบ้านประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง 4 ทุ่ม แต่ถ้าเลิกงานเร็ว แย้จะรีบตรงกลับบ้านทันที เพื่อมาเคลียร์งานที่บ้าน มาประชุมกับลูกน้อง มาดูออฟฟิศด้วย เพราะบ้านกับออฟฟิศตอนนี้ย้ายมาอยู่ด้วยกันค่ะ

ดูแล้วเวลารัดตัวมาก เห็นว่ามีทำธุรกิจร้านอาหารด้วย

หญิงแย้ : ใช่ค่ะ แย้มีกิจการร้านอาหารอยู่ที่เอกมัย กับร้าน Bingsu (บิงซู) เป็นร้านน้ำแข็งใสสไตล์เกาหลี ซึ่งเราก็ต้องเข้าไปบ้าง ไม่ใช่ว่าแบบไม่เข้าไปเลย เดี๋ยวหุ้นส่วนคนอื่นจะด่าได้นะคะ (หัวเราะ) เราก็อยู่แค่ประมาณ 4 ทุ่ม ถึง 4 ทุ่มครึ่งแล้วก็กลับ

หญิงแย้

ที่ผ่านมาจนวันนี้ จัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไรบ้าง เพราะคุณเองก็ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย

หญิงแย้ : ที่ผ่านมาต้องบอกก่อนว่า แย้ไม่ได้เป็นคนที่ทะเยอทะยานนะ แย้มีความรู้สึกว่า แย้เป็นคนที่ค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องของเวลา สมมติว่าวันหนึ่งแย้มี schedule (ตารางเวลา) ว่าเวลานี้ต้องทำงานตรงนี้ อีกเวลาหนึ่งต้องไปทำอย่างอื่น แย้จะตรงเวลาทุกอย่าง แย้จะเผื่อเวลาทั้งหมด ดังนั้นเวลาที่แย้จะทำอะไร มันก็เลยค่อนข้างจะตามตาราง ทีนี้พอมันตามตารางมันก็จะสำเร็จได้ง่าย อันนี้คือพูดถึงชีวิตประจำวันนะคะ ดังนั้นพอเราทำในแต่ละวันให้มัน complete ได้ตามที่เรามุ่งหมายทุกวันตามตารางเป๊ะๆ มันก็จะประสบความสำเร็จไปเอง

ส่วนในเรื่องของการประสบความสำเร็จด้านการงาน แย้บอกเลยว่าค่อนข้างฟลุค แย้เหมือนมีบุคลิกอะไรบางอย่าง ที่สังคมเขารู้สึกว่า ไอ้คนนี้มันแปลกดี มันน่าติดตาม คือเอาง่ายๆ คนไทยจะชอบ 1.เรื่องผี 2.เรื่องตลก แย้รู้สึกว่า คนไทยจะชอบสองอย่างนี้  ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องผีแย้ทำไม่ได้ เพราะแย้ไม่ใช่ผีใช่ปะ (หัวเราะ) และแย้ก็ไม่ได้มีสัมผัสที่ 6 เมื่อเรามองว่าสังคมต้องการอะไร เราก็ไปอยู่จุดนั้น แล้วก็โชคดีที่แย้เป็นคนอารมณ์ดีอยู่แล้ว เป็นคนชอบเอนเตอร์เทนคนรอบข้าง คือมันบวกกับบุคลิกที่เราเป็น ถึงแม้ว่าแย้จะไม่ใช่คนฉลาดนะ ไม่ได้ประดิษฐ์คำพูดเก่ง คำพูดสวยอะไรแบบนี้ แต่ด้วยความที่มันเป็นแบบนี้ปุ๊บ มันเลยเป็นสิ่งที่สังคมต้องการ ก็ทำให้เราเป็นที่นิยม ซึ่งมันก็ถูกกับจังหวะพอดีที่เรามีสื่อโซเชียลเป็นของตัวเอง สามารถมีชื่อเสียงได้ด้วยตัวเอง เผอิญว่าแย้ดันไปโดนใจคนในสังคมมันก็เลยปัง

 

สเต็ปต่อไปในการใช้ชีวิตมีแพลนทำอะไรเพิ่มบ้าง

หญิงแย้ : สเต็ปต่อไป คือแย้เคยทำธุรกิจเครื่องสำอาง แล้วก็เอาจริงๆ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ คือตอนนี้แย้มีธุรกิจเครื่องสำอาง มีธุรกิจโฆษณา ทำโฆษณาแบบเทิร์นคีย์ ทำตั้งแต่ครีเอทีฟยันโปรดักชั่นหมดเลย และดูคนเดียวด้วย แต่ก็มีเด็กๆ ในบริษัทช่วยอยู่ 4-5 คน อีกอย่างก็คือทำร้านอาหารกับร้านน้ำแข็งใสบิงซู ซึ่งเรารู้สึกเลยว่า สิ่งที่เราถนัดคือ โฆษณา กลายเป็นว่าพอเราถนัดโฆษณาปุ๊บ งานโฆษณาก็เข้ามาค่อนข้างเยอะมาก เราก็เลยเหมือนกับขี้เกียจไปโฟกัสธุรกิจเครื่องสำอาง ทั้งๆ ที่ธุรกิจเครื่องสำอางเป็นธุรกิจที่แย้ลงทุนไปประมาณ 4 ล้าน ซึ่งตอนนี้เงินก็จมอยู่กับตรงนั้น บางทีก็มีหลายคนบอกว่า เฮ้ย แย้ลองไปหาตัวแทนจำหน่ายสิโน่นนี่นั่น คือแย้รู้อยู่ การไปหาตัวแทนจำหน่าย เจ้าของก็คือ ฉันเนี่ยต้องไปด้วยตัวเอง ต้องไปแบบพี่คะ อะไรอย่างงั้น อย่างงี้ กับการที่เอาทุนคืนมา 4 ล้าน มันก็ไม่ค่อยคุ้มอ่ะ แย้ก็เลยรู้สึกว่า เรายังพอมีเวลา เราทำในสิ่งที่เรารักและมีความสุขดีกว่า เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เดี๋ยวแย้ค่อยไปหาคนที่เขาถนัดขาย ที่เขาเก่งขาย หรือรอโอกาสดีๆ แล้วค่อยทำ

หญิงแย้

มุมมองการใช้ชีวิต จากตอนที่เริ่มต้นทำงาน กับเวลานี้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

หญิงแย้ : ตอนแย้อายุ 20 ประมาณ 21 ล่ะกัน เพราะตอนนั้นแย้เป็นพริตตี้ แย้ก็ไม่ได้คิดอะไร แย้ก็เป็นคนหนึ่งที่มีทัศนคติตั้งแต่เด็กแล้วว่า ใช้ชีวิตทุกๆ วันให้มีความสุข คือพ่อแม่สอนมาแบบนี้ ไม่ต้องไปมองจุดมุ่งหมาย เป้าหมายมีไว้พุ่งชนก็จริง แต่ค่อยๆ เดินไปชนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องพุ่งชน ก็จะโดนสอนมาแบบนี้ ดังนั้นสมัยก่อนเป็นยังไง ทัศนคติเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนแย้อาจจะเป็นพริตตี้ธรรมดา จุดหมายสูงสุดตอนนั้นคือ มีครอบครัวที่อบอุ่นตามแบบพ่อและแม่ คือพ่อแม่แย้ทุกวันนี้ก็ยังจูงมือไปไหนมาไหน ก็ยังสวีทกัน ก็รู้สึกว่าเออการมีครอบครัวมันดีอ่ะ ก็เลยคิดว่า ตอนอายุ 21 มีครอบครัวแล้วจบ พึ่งผู้ชาย ให้ผู้ชายเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วเราก็คอยตาม คอยดูแล

แต่พอเราโตขึ้นได้ทำงานอย่างอื่นบ้าง เริ่มมีกิจการเป็นของตัวเอง ได้รู้จักสังคม ได้รู้จักอะไรมากขึ้นมีลูกน้องที่ต้องดูแล ก็รู้จักตัวเองมากขึ้นว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้เป็นผู้หญิงประเภทแม่ศรีเรือน ไม่ได้เป็นมนุษย์ช้างเท้าหลัง คือแย้มีความเป็นผู้นำสูง ทัศนคติเหมือนเดิมแหละ ทำทุกวันให้มีความสุข แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ เรารู้สึกได้ว่า เราไม่ชอบตามใคร เราไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งแล้วเราปฏิบัติตาม ดังนั้นแย้ก็เลยอาจมีปัญหาในเรื่องของชีวิตคู่ อันนี้ก็ยอมรับ แต่เราก็เลือกสิ่งที่เราชอบดีกว่า

หญิงแย้

มีอะไรที่รู้สึกว่า อยากจะผลักดันตัวเองให้ไปไกลมากกว่านี้หรือเปล่า

หญิงแย้ : แย้เป็นคนเฉยๆ ชิลๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นเฉื่อย เป็นคนที่รู้สึกว่า ถ้ามีโอกาสเข้ามาก็ถือว่า เป็นเรื่องดี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ใช้ชีวิตประคับประคองไปเรื่อยๆ มันโชคดีอย่างหนึ่งที่ในอดีต แย้เคยเล่นหุ้น แย้ลงทุนกับหุ้นมาตลอด แล้วก็เลือกตัวที่ค่อนข้างมั่นคง มีปันผลก็เลยมีเงินเก็บพอสมควรที่จะดูแลตัวเองได้ไปทั้งชีวิต ก็เลยไม่ได้มีแรงผลักดันอะไรเยอะแยะ เพราะตัวแย้เองก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่มีค่าใช้จ่ายเยอะ ไม่ได้ซื้อของแบรนด์เนม ไม่ได้จำเป็นต้องกินหรู อยู่สบายขนาดนั้น เพราะเราก็มีความสุขกับการที่เรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวชายสี่หมี่เกี๊ยวข้างทาง หลังจากนี้ถ้ามีโอกาสเข้ามาเราก็หยิบไป แต่ถ้าไม่มีอะไรเข้ามา เราก็ใช้ชีวิตเรื่อยๆ แล้วก็มีความสุขกับทุกๆ วัน

เห็นภาพเป็นคนเฮฮา ตัวตนลึกๆ ยังมีมุมไหนอีกบ้างที่ไม่มีใครรู้อีกไหม

หญิงแย้ : จริงๆ แย้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นนะ แต่แน่นอนว่าทุกคนไม่ได้มีแต่ความสุขตลอดไง ความทุกข์ก็มี แย้ถือคติอย่างหนึ่งว่า เราจะไม่เอาความทุกข์ไปลง ไปเผยแพร่ให้คนอื่นได้รับรู้ว่า เราทุกข์อ่ะ จะสังเกตได้ว่า ตอนที่แย้มีปัญหา เราก็จะไม่ได้ไปลงอะไรดราม่าในไอจีของเราเท่าไหร่ นอกจากบางทีเราไม่ไหวจริงๆ เราก็อยากจะระบายว่า STAY STRONG นะเว้ย เข้มแข็งนะเว้ย สู้โว้ย เราก็จะลงให้กำลังใจตัวเองมากกว่า เพราะว่าแย้ก็เป็นคนที่ตามไอจีดาราหลายคน เพราะเราก็ชื่นชอบ แล้วบางทีเวลาที่เราเห็นบางคนเขาแบบ ทำไมชีวิตมึงดราม่าขนาดนี้วะ ทำไมมันเศร้าหมองจัง เราก็รู้สึกว่า เราเป็นผู้บริโภคสื่อคนหนึ่งที่ไม่ได้อยากเจอแต่เรื่องไม่ดีของใครบางคน เรื่องเศร้าของคนอื่น เราก็อยากจะมอบความสุขนี้ให้กับคนที่ตามเรามามากกว่า ก็เลยไม่ได้แสดงออกในเรื่องของความดราม่ามากเท่าไหร่ แล้วก็จะพยายามพรีเซนต์ตัวเองให้คนรู้สึกว่า ไอ้ผู้หญิงคนนี้ตลก สนุกสนานดีนะ ดูมีความสุขดี

“จะบอกเลยว่า ช่วงที่มีปัญหามากๆ ร้องไห้หนักมาก แต่ภาพที่ออกไปจะเป็นภาพเริงร่า ถ่ายรูปเล่น อันนี้ก็ต้องยอมรับว่า มีเฟคกันนิดนึง เพราะว่าถ้าไม่เฟคเลย ทุกคนก็คงจะสมเพชเวทนาเรามาก แล้วเราก็จะรู้สึกว่า เราทำอะไรลงไป”

หญิงแย้

ทำงานเพื่อให้ทุกคนมีความสุข และต้องใช้หน้าตา แบบนี้ต้องดูแลตัวเองยังไงทั้งกายและใจ

หญิงแย้ : ผู้หญิงจะแย่ก็คือ 1.นอนน้อย 2.ร้องไห้เยอะตาบวม 3.ดื่มเยอะ ก็มีแค่ 3 อย่างที่ทำให้เราไม่สวย ไม่รวมถึงอายุนะ อายุไม่เป็นไร ทีนี้เรื่องร้องไห้ ก็ร้องนะ ร้องให้มันจบๆ ไป ส่วนเรื่องนอนน้อยเลี่ยงไม่ได้ ส่วนดื่มแย้ก็จะเลือกดื่มเฉพาะไวน์แดงที่มันดีกับผิวเรา คือถึงแม้ว่าเราจะเศร้าหมอง แต่เราก็ไม่ทำร้ายตัวเอง มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาทำให้เราดูแย่ ดูไม่ดี เพราะว่าชีวิตเราก็ต้องดำเนินต่อไป แล้วยิ่งเราไม่ได้มีหลักมั่นคงหมือนสมัยที่ยังมีสามี ตอนนี้ก็เหมือนตัวคนเดียวแล้วมันก็เลยต้องคิดมากขึ้น อย่างสมัยก่อนบางทีใช้จ่ายไม่ต้องคิดอะไรเลย เหมือนกับว่าอยากได้อะไรก็ซื้อ ก็ใช้ เพราะว่าอย่างน้อยเราก็มีทรัพย์สินอยู่แล้ว มีบ้าน มีอะไรที่ยิ่งใหญ่อลังการของแฟนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เราไม่มีอะไรเลย เราออกมาตัวเปล่าจริงๆ มันก็เลยเหมือนกับว่าเราต้องคิดมากขึ้น ฉันจะมีกำลังหาเงิน หาทรัพย์แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ก็เลยต้องระมัดระวัง ต้องคิดเยอะขึ้น

ชีวิตของหญิงแย้ ถ้าให้เปรียบกับเสื้อผ้าสักชุด คิดว่าตัวเองเป็นเสื้อผ้าสไตล์ไหน

หญิงแย้ : แย้คงเป็นเสื้อยืด กางเกงขายาวโคร่งๆ แล้วก็รองเท้าผ้าใบ ที่เป็นเสื้อยืดแย้เป็นคนสบายๆ เป็นคนไม่ชอบอะไรที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน แย้จะเป็นคนที่ไม่ได้มีเพื่อนหรูหรา อลังการอะไรแบบนั้น เพราะแย้ขี้เกียจมาประดิษฐ์คำพูด เพื่อพูดใส่กัน จะไม่ได้มีโมเมนต์ที่มา อุ๊ย ไม่ได้เจอกันนาน มากอดกันที เราไม่ได้เป็นผู้หญิงขนาดนั้น คือแย้จะมีความเป็นผู้ชายในตัวเองสูง จะไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียด จะมองอะไรต่างๆ เป็นองค์รวม มองที่ผลลัพธ์มากกว่า

ส่วนกางเกงโคร่งๆ เหมือนกับว่า เราไปที่ไหนก็ได้ มันสุภาพ ไปวัดก็ได้ สามารถกินได้ไม่จำกัด เดินไปไหนก็ได้โดยที่ขาเราไม่ดำ แต่สุดท้ายเราก็ยังสบายกับตัวเราเองอยู่ ส่วนรองเท้าผ้าใบแสดงให้เห็นถึง ความรวดเร็ว ความคล่องตัว

“การที่เราช่วยเหลือตัวเองได้ อันนี้คือแย้”

หญิงแย้

นี่แหละตัวตนที่แท้จริง วันก่อนอาจจะมีใครที่ทำให้อุ่นใจ แต่ถ้าวันนี้ไม่มีแล้ว ยังไงชีวิตก็ต้องดำเนินไปต่อ….

เรื่อง : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : onedeephotography

Praew Recommend

keyboard_arrow_up