เทรนด์ศัลยกรรม 2017 , หมอสอง

‘จมูก ปาก คาง หน้าอก’ อัพเดตเทรนด์ศัลยกรรมปี 2017

Alternative Textaccount_circle
เทรนด์ศัลยกรรม 2017 , หมอสอง
เทรนด์ศัลยกรรม 2017 , หมอสอง
ศัลยกรรม ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องที่น่าปิดบังอีกต่อไปในสังคม สมัยนี้วงการศัลยกรรมจึงบูมมากทั้งในเอเชียและยุโรปจนเป็นเรื่องปกติเหมือนไปหาหมอรักษาโรคไข้หวัดนิดหน่อยก็หายซะงั้น ศัลยกรรมก็เหมือนกัน แค่อยากสวย อยากมั่นใจมากขึ้นก็แค่ไปหาหมอให้ช่วยเนรมิตก็ได้แล้ว เมื่อศัลยกรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ช่วยอัพสวยตามแบบดารา เหล่าไอดอลทั้งหลายเป็นเรื่องง่ายๆ งั้น แพรวดอทคอม จะพาสาวๆ ไป อัพเดตเทรนด์ศัลยกรรมความงามปี 2017 กับหมอสอง หรือ นพ.นพรัตน์ รัตนวราห แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ถึงเรื่องที่เกี่ยวกับวงการศัลยกรรมในปีหน้าและปัจจุบันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามแพรวมาคุยกับคุณหมอกันค่ะ

 

Q : คิดว่าเทรนด์ศัลยกรรมปี 2017 จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปในทางไหนบ้าง
“หลักๆ ที่เปลี่ยนแปลงเยอะก็คงเป็นเรื่องของการตลาด รองลงมาเรื่องของการควบคุมการประชาสัมพันธ์ให้อยู่ในขอบเขต เพราะต้องบอกว่าในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดธุรกิจความงามเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ คลินิกก็ผุดล้นตลาด ส่วนในเรื่องของเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงในแง่ของความสวยความงามไม่ได้เปลี่ยนมาก ทุกคนก็ยังชอบในเรื่องของการศัลยกรรมเฉพาะจุดให้ดูสวยเหมือนเดิม หลักๆ ที่นิยมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นจมูก ตา ปาก คาง หน้าอก

“แต่เทรนด์ความนิยมอาจจะแปรผันไปบ้างในแต่ละปี เช่น ช่วงแรกๆ ที่ผมทำคนก็อาจจะชอบแนวของฝรั่งหน้าลูกครึ่ง ถัดมาช่วงซีรี่ส์เกาหลีแรงๆ คนก็จะชอบหน้าเหมือนเอเชีย ถัดมาช่วงหลังๆ นี้ก็กลับมามีลูกครึ่งมาอีกแล้ว ซึ่งช่วงครึ่งหลังปี 2016 ที่ผ่านมา คนไข้ส่วนใหญ่จะรีเควสต์หน้าแบบลูกครึ่งๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ทรงเอเชียแบบเกาหลี ญี่ปุ่นก็ไม่ถึงกับดร็อปไปนะครับ ก็ยังมีคนรีเควสต์ทำบ้าง

“ถามว่าปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็คงต้องดูต่อไป แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ว่ายังอยู่ในความชอบเดิมอยู่ ความนิยมในการทำตอนนี้คนก็ยังนิยมทำเหมือนเดิม จมูกก็ยังเหมือนเดิม หน้าอกก็เหมือนเดิม ไม่ได้มีศัลยกรรมอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น คงต้องรอดูกระแสช่วงนั้นๆ อีกทีครับ”

Q : ช่วงอายุประมาณไหนที่ผู้หญิงต้องการทำศัลยกรรมมากที่สุด
“ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงอายุ 20 ปีไม่เกิน 40 ปีช่วงนี้เยอะสุด หรือไม่ก็จะเป็นพีเรียดที่เด็กหน่อย ประเภทว่ากำลังเข้ามหาวิทยาลัย เขาต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อการยอมรับในสังคม อยากจะเปลี่ยนบุคลิกภาพ อยากมีความมั่นใจ ซึ่งช่วงอายุ 20 ปีจะมาศัลยกรรมเปลี่ยนลุค แต่ช่วงอายุ 40 ปีจะมาศัลยกรรมเก็บริ้วรอยให้ดูอ่อนเยาว์ลง”

Q : เมคอัพเพื่อปกปิดกับการทำศัลยกรรมเพื่อความถาวร หมอสองอธิบายความแตกต่างของสองอย่างนี้หน่อย
“ส่วนตัวผมชอบทั้งสองอย่าง ทั้งสองลักษณะเป็นอะไรที่เสริมกัน ผมชอบคนที่เมคอัพเก่งๆ เขาสามารถเมคอัพจากคนคนหนึ่งไปเป็นอีกคนหนึ่งที่สวยมากได้ ดังนั้นผมบอกเลยว่าเมคอัพอาจจะทำให้คนดูสวยขึ้น ผมว่าอาจจะ 60 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ส่วนศัลยกรรมอาจจะเป็นแค่ 40 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณที่ช่วยส่งเสริมให้ดีขึ้นบวกทวีคูณเข้าไปอีก ซึ่งการศัลยกรรมในบางคนช่วยทำให้เรื่องเมคอัพง่ายขึ้นด้วย ไม่ต้องแต่งมากหรือคอนทัวร์เว่อร์ก็ยอดเยี่ยมแล้ว

“บางคนทำศัลยกรรมแล้วไม่เคยแต่งหน้าเลย ผมก็จะแนะนำว่าให้แต่งหน้าควบคู่กันไปด้วย ไล้จมูกง่ายขึ้น แต่งตาง่ายขึ้น คางเรียวขึ้นก็ไม่ต้องไปทำเบ้าหน้าให้เยอะแล้ว คนไข้ผมที่ทำศัลยกรรมเสร็จก็จะแนะนำว่า คุณเมคอัพต่อด้วยนะ เขาก็จะแฮ็ปปี้ในชีวิตเขามากขึ้นไปอีก”

Q : ในความคิดของหมอสอง ศัลยกรรมถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งไหม
“ผมรู้สึกว่าตัวผมเองมีความถนัดด้านศิลปะพอสมควร ศิลปะเป็นอะไรที่เราต้องใช้มือสื่อสารกับสมอง สั่งงานออกมาแล้วทำ เพราะผมจะรู้สึกว่าตัวผมเองเป็นคนที่ชอบคิดเป็นภาพมากกว่าที่คิดเป็นตัวหนังสือ ซึ่งในเรื่องความสวยความงามเราเอาความถนัดบวกกับความชอบส่วนตัวมารวมกันเป็นลงตัวมากๆ”

Q : คิดว่าการทำศัลยกรรมในทุกวันนี้กลายเป็นเทรนด์แฟชั่นไปแล้วหรือไม่
“เท้าความกลับไป เมื่อก่อนการแพทย์ด้านศัลยกรรมยังไม่ค่อยได้รับความนิยม ดังนั้นคนสมัยก่อนสัก 20 ปีที่แล้วโดยประมาณจะรู้สึกแอนตี้ว่าใครทำศัลยกรรมถือว่าคนนั้นเป็นคนที่เยอะ ไม่โอเคเลย จมูกดูเป็นแท่งๆ ชัดไป รู้เลยว่าทำมา เพราะสมัยนั้นชอบหน้าสไตล์ฝรั่งดั้งโด่งกัน แต่กลับไม่ค่อยได้รับการยอมรับ คนส่วนใหญ่จึงชอบปฏิเสธว่าไม่ได้ทำศัลยกรรม

“แต่ในปัจจุบันช่วงเวลาที่ผ่านมาเทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ดีมากขึ้น บวกกับฝีมือแพทย์ในเมืองไทยเองก็มีการพัฒนาความสามารถมากขึ้นตาม ซึ่งต้องบอกเลยว่าแพทย์ศัลยกรรมเมืองไทยฝีมือระดับโลก เรื่องสกิล ทักษะต่างๆ ก็ทำให้ผลการผ่าตัดดีขึ้นเรื่อยๆ ดูเป็นธรรมชาติ ภาวะแทรกซ้อนก็น้อยลง ประกอบกับเรื่องของการแพทย์ ความสะอาดต่างๆ เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เลยทำให้คนทำศัลยกรรมเยอะขึ้น บวกกับความนิยม การยอมรับ และเนื่องจากพอทำแล้วชีวิตดีขึ้น เช่น บางคนที่มาทำกับผมสมัครเป็นแอร์โฮสเตสอยู่นานหลายรอบไม่ผ่านสักที พอมาทำจมูก ทำตา เท่านั้นแหละได้งานเลยก็มี จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนมองเห็นว่าการทำศัลยกรรมมันไม่ใช่สิ่งที่น่าเกลียด ต้องปิดบังอีกต่อไป และยอมรับกันมากขึ้น

“ในมุมมองผมทำนิดหน่อยเสริมความมั่นใจก็ดีครับ แต่ไม่ได้สนับสนุนให้คนหันมาทำศัลยกรรมนะครับ แค่บางคนที่ขาดบางอย่างจนไม่มั่นใจ ถ้าทำแล้วดีก็ทำเถอะครับ ส่วนถ้าบางคนพอใจกับตัวเอง มีความสุขดีแล้ว ไม่ต้องพยายามหาจุดทำเพิ่มให้มันดูดีขึ้นหรอกครับ สายกลางดีกว่านะ”

อ่านต่อหน้า 2 นะคะ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up