new york

Go Go! เที่ยว 5 จุด กับโควตาหนึ่งวันใน NEW YORK มหานครแห่งชีวิต

new york
new york

ใครๆ ก็รู้ว่าเสน่ห์ของ New York (นิวยอร์ก) นั้นมากมายล้นเหลือ จะมีสักกี่เมืองในโลกนี้ที่ไม่ว่าอยากทำอะไร หรือฝันอยากเป็นอะไรก็ลงมือทำตามฝันได้ทันใด เป็นเมืองที่มีสีสันชีวิตชีวาเป็นที่สุดไม่ว่าเป็นฤดูไหน นิวยอร์กก็เป็นเมืองที่หนาแน่นไปด้วยผู้คน และอีกเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่มีที่ไหนในโลกนั่นคือ ความใจกว้างของนิวยอร์กที่เปิดโอกาสให้ผู้คนจากที่ต่างๆ ในโลกมาใช้ชีวิตที่นี่ได้อย่างเสรี

ฉันขอสารภาพอย่างไม่กลัวเสียภาพนักเดินทางว่า แม้จะมีเวลามาปลื้มกับบรรยากาศของนิวยอร์กเพียงวันเดียว แต่การได้มาเดินอยู่ในนิวยอร์กอีกครั้ง ทำให้ฉันตื่นเต้นเหมือนเพิ่งมาครั้งแรกไม่มีผิด

new york
ห้างสรรพสินค้าเมซี่ส์ที่สวยคลาสสิกอายุกว่า 100 ปีในย่านเฮอรัลด์สแควร์

รื่นเริงกับแสงสีที่ Times Square

ถนนทุกสายมุ่งไปหาถนนหมายเลข 42 นี่คือแยกที่โด่งดังและคึกคักที่สุดของนิวยอร์ก ถ้าเป็นหน้าร้อน เทศบาลนครนิวยอร์กจะจัดที่ ว่างๆ นี้ให้เต็มไปด้วยเก้าอี้ผ้าใบจนแน่นลานกว้างๆ ให้คนนั่งอาบแดด กินลมชมเมือง แต่ถ้าเป็นช่วงหนาว ๆ ลานกว้างจะแทนที่ด้วยนักเดินทางไทมส์สแควร์ในอดีตเคยเป็นแหล่งของพวกมาเฟียและยาเสพติด เป็นย่านที่มืดดำ ไม่งดงามเหมือนทุกวันนี้ ไทมส์สแควร์ถูกขัดสีฉวีวรรณ เปลี่ยนลุคให้เป็นศูนย์รวมแห่งสีสัน แหล่งรวมโรงละครบรอดเวย์เกือบ 50 โรง ไทมส์สแควร์อาจดูจืดชืดในช่วงกลางวัน แต่เมื่อไรที่พระอาทิตย์ตกลับยอดตึก ไทมส์สแควร์ก็จะกระจ่างตาด้วยแสงไฟนีออนหลากสี แสงไฟที่อาบไปทั่วย่านนี้ทำให้ไทมส์สแควร์เฉิดฉายขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา อย่าได้แปลกใจถ้าเห็นนักเดินทางแห่งนิวยอร์กจะยืนนิ่งงันตื่นตาตื่นใจ กับแสงสีตระการตารอบตัว แม้แต่ป้ายโฆษณาที่เปลี่ยนสลับฉากไปมา ก็ถือว่าเป็นความบันเทิงอย่างยิ่งอีกรูปแบบหนึ่ง

new york new york

Herald Square…เฮอรัลด์สแควร์ ความหมาย ของคลาสสิก

จากไทมส์สแควร์เดินไม่ไกล บนถนนสาย 34 ชาวนิวยอร์กเรียก ย่านนี้ว่าเฮอรัลด์สแควร์ แต่เดิมย่านนี้เต็มไปด้วยโรงละคร แต่ทุกวันนี้เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ละลานตาเต็มไปด้วยร้านรวง แค่เดินชมดิสเพลย์ หน้าร้านก็เพลินแล้วที่เป็น a must ของย่านนี้ก็ต้องเป็นห้างเมซี่ส์ (Macy’s) เป็นเมซี่ส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในบรรดา 850 แห่ง อายุ 113 ปี เมซี่ส์สาขา นิวยอร์กถือว่าเป็นห้างสรรพสินค้าที่สวยคลาสสิกที่สุด ถ้าแหงนหน้ามองไปรอบๆ ตัวจะเห็นว่ารอบตัวเต็มไปด้วยตึกระฟ้ามากมาย แต่ตึกที่โดดเด่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่มีใครเกิน น่าจะเป็นตึกเอ็มไพร์สเตท (Empire State)

new york
ตึกเอ็มไพร์สเตทโดดเด่นท่ามกลางตึกระฟ้า

แม้จะถูกแซงหน้าเรื่องสถิติเรื่องความสูงไปแล้วก็ตาม ตึกเอ็มไพร์สเตทเคยครองตำแหน่งตึกสูงที่สุดในโลกอยู่นานถึง 40 ปี สไตล์อาร์ตเดโค 102 ชั้น สูงเกือบ 450 เมตร แต่ละปีมีแขกเหรื่อของนิวยอร์กมาต่อคิวยาวเหยียดเพื่อขึ้นไปชมวิวนิวยอร์กบนชั้น 86 ประมาณ 5 ล้านคน ต่อมาก็เสียแชมป์ให้ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ตอนที่ยังไม่ถูกถล่มถ้าเดินมาถึงแถวนี้แล้วก็ต้องไม่พลาดร็อคกี้เฟลเลอร์เซ็นเตอร์ (Rockefeller Center) แหล่งรวมความบันเทิงที่คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน มีคาเฟ่ให้นั่งชิล ชมวิวรอบๆ ให้พอหายเมื่อย ถ้าเป็นช่วงคริสต์มาส ตรงนี้จะตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาส ขนาดใหญ่ และในยามค่ำคืนลานหน้าตึกก็จะกลายเป็นลานสเกตที่ส่องแสงสะท้อน ไฟระยิบระยับ

new york
ร็อคกี้เฟลเลอร์เซ็นเตอร์แหล่งรวมความคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน

Fifth Avenue…ฟิฟท์อเวนิว สวรรค์ของนักช็อปปิ้ง

นิวยอร์กไม่เป็นรองใครที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นปารีสหรือลอนดอน บางทีอาจเรียก ได้ว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการช็อปปิ้งได้เลยทีเดียว ทั้งห้างที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง อย่างทาคาชิมาย่า หรือห้างดังอย่างแซคส์อเวนิว ถ้าเป็นสมัยก่อน ย่านนี้เป็นถิ่น ที่อยู่อาศัยของเศรษฐี ทั้งสองฟากถนนเต็มไปด้วยคฤหาสน์สวยหรู แต่พอเริ่มมี ร้านรวงมาเปิด บรรดาผู้มีอันจะกินทั้งหลายก็พากันย้ายไปอยู่แถวอัพทาวน์

new york
ฟิฟท์อเวนิว สวรรค์ของการช็อปปิ้งเต็มรูปแบบ

จากนั้นมา ย่านนี้ก็เริ่มกลายเป็นสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งอย่างเต็มรูปแบบไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้จิบกาแฟหอมๆ แกล้มกับขนมอร่อยๆ ขณะทอดสายตา มองผู้คนที่เดินขวักไขว่บนท้องถนนในวันที่ท้องฟ้านิวยอร์กสดใส ฉันมีลายแทงร้านเก๋ๆ อยู่หลายร้าน หลับตาจิ้มก็ได้ร้านเมซอง ไคเซอร์ (Maison Gerser) ที่ถนน 40 หนึ่งในร้านกาแฟที่น่านั่งเต็มไปด้วยของอร่อย อย่างแซนด์วิชหน้าเปิดที่สไลซ์ขนมปัง มาบางเฉียบ เนื้อขนมปังนุ่มและแน่น กับกาแฟหอมเข้มที่เจ้าของร้านตั้งใจปรุงให้รสชาติรับกันกับอาหาร ไม่อ่อนไม่เข้มแรงจนเกินไป กำลังดีกลมกล่อม เข้ากับอาหารที่รับประทานไม่ขาดไม่เกิน ร้านนี้มีซิกเนเจอร์เป็นขนมปัง บาแกตต์ ครัวซองต์ก็กรอบนอกนุ่มเหนียวหนึบข้างใน หอมกลิ่นเนยมาก

new york
สะพานแมนแฮตตันอายุกว่า 100 ปีเชื่อมระหว่างแมนแฮตตันกับบรุกคลิน

Grand Central Terminal ไฮไลท์แห่งนิวยอร์ก

ในฐานะคนรักนิวยอร์ก ทำให้ฉันเดินเล่นดูโน่นนี่นั่นไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลินแบบไม่ต้องพึ่งไกด์บุ๊ก ล็อกพิกัดเอาไว้ที่ตึกไครสเลอร์ แต่เดินยังไม่ทันถึงที่หมายก็รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์คลาสสิกของแกรนด์เซ็นทรัลเทอร์มินัล ตัวอาคารเก่าสีครีมสูงสองชั้น บรรยากาศ ขลังบอกไม่ถูก ด้านหน้ามีประติมากรรมเทพเมอร์คิวรีที่ขนาบข้างด้วย เฮอร์คิวลิสและเทพีมิเนอร์วา ตรงกลางเป็นนาฬิกาเรือนใหญ่ ซึ่งถือว่า เป็นงานกระจกทิฟฟานีชิ้นใหญ่ที่สุดในโลกที่นี่เป็นสถานีรถไฟเก่าแก่สำคัญของนิวยอร์กอายุกว่า 100 ปีที่สวย ไม่สร่าง

new york
ภาพจิตรกรรมรูปจักรราศีบนเพดานโค้งของแกรนด์เซ็นทรัลเทอร์มินัล

พอได้เดินเข้าไปข้างในก็ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในยุโรป เพราะเป็นสถาปัตยกรรมแบบโบซาร์ (Beaux-Arts Architecture) หรือ แบบวิจิตรศิลป์ เพียงแค่เดินเข้าไปเจอลานโล่งกว้างของโถงใหญ่ที่เคยเห็นเป็นฉากในหนังฮอลลีวู้ดหลายต่อหลายเรื่อง ทำให้หลงรักเสน่ห์แห่ง อาคารเก่าแก่นี้เข้าอย่างจัง ที่โดดเด่นเห็นจะไม่เกินภาพเขียนบนเพดาน เป็นศิลปะที่ใช้เทคนิคการปิดทองลงบนงานสีน้ำมันสีน้ำเงินเข้มโดยศิลปิน ชาวฝรั่งเศส ภาพจิตรกรรมเป็นรูปจักรราศีในแบบย้อนทาง ว่ากันว่า เป็นความผิดพลาดที่บังเอิญเกิดขึ้น แต่กลับงดงามเมื่อต้องแสงที่สาดส่อง เข้ามาจากหน้าต่างทรงโค้งใต้เพดาน และยังขับผนังและพื้นหินอ่อน ให้เป็นประกาย

new york
สีสันของเซ็นทรัลพาร์ค

แรงบันดาลใจ ณ เซ็นทรัลพาร์ค (Central Park)

สวนสาธารณะขนาดสนามฟุตบอล 460 สนามมาเรียงต่อกัน เป็น โอเอซิสแห่งแมนแฮตตัน งดงามด้วยบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ฤดูไหน ผู้คนมากมาย รวมถึงเหล่านักดนตรีเปิดหมวก ที่น่าอัศจรรย์ใจ สำหรับฉันก็คือ นักดนตรีเหล่านี้มีฝีมือระดับมืออาชีพ ผู้คนที่เดินผ่าน ไปมาหยุดเดินนิ่งฟังด้วยความสนใจ การแสดงดนตรีเปิดหมวกในนิวยอร์ก ไม่ใช่แบบวณิพก แต่เป็นการโชว์ความสามารถของผู้เล่นดนตรีแต่ละคน คนที่ใส่เงินลงในกล่องไม่ใช่เพราะสงสาร แต่ให้เพราะชื่นชมในเสียงดนตรี เขาเหล่านี้ไม่ใช่คนน่าสงสาร แต่เขารู้ว่าชีวิตตัวเองนั้นอยู่เพื่อทำอะไร มากกว่าความรู้สึกของฉัน หลังจากใช้เวลาเพียงชั่วขณะในเซ็นทรัลพาร์ค มีหนึ่งคำที่เกิดขึ้นในใจก็คือ “พลัง” จุดหมายปลายทางไม่ได้เปลี่ยนแปลง

new york
ความงามสงบของเซ็นทรัลพาร์คยามพลบค่ำ

แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันเปล่งประกายและชัดเจนขึ้นมาก หลังจากหม่นมัว ไปชั่วเวลาหนึ่ง สิ่งที่ฉันตั้งใจไว้จะยังคงทำอยู่และดำเนินต่อไป ไม่ว่า สิ่งนั้นจะสำเร็จได้ตามที่หวังหรือไม่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความสุข ที่ได้ทำในสิ่งที่รักอย่างเต็มที่และความสุขที่ฉันได้รับอยู่ขณะนี้ก็คือ การได้ส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนอื่นต่อไป


ที่มา: นิตยสารแพรว ปักษ์ 897 วันที่ 10 มกราคม 2560 คอลัมน์ Lifestyle เรื่องและภาพ laorluck

Praew Recommend

keyboard_arrow_up