หล่อ ล้ำ โดนใจเศรษฐี Lamborghini Aventador S ซูเปอร์คาร์ราคาเหยียบ 40 ล้าน จัดสักคันไหม?

เห็นแค่ราคาก็อึ้งแล้ว สำหรับเจ้า Lamborghini Aventador S ซูเปอร์คาร์สุดหรูที่มาพร้อมกับความล้ำของเทคโนโลยี ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 40 ล้านบาท ได้ยินแล้วถึงกับตาค้าง! เพราะมันไม่ธรรมดาจริงๆ

“กินไม่ได้แต่เท่” ขอเอาวลีนี้มาใช้หน่อย เพราะมันเหมาะเจาะกับเรื่องที่เราจะพูดถึงจริงๆ สำหรับเจ้ารถหรู  Lamborghini Aventador S รถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Geneva Motor Show 2017 ใครที่เป็นแฟนรถยนต์ค่ายนี้อยู่แล้วก็คงตื่นเต้นกับความหล่อของ Lamborghini Aventador S กันไม่น้อยเลย

สำหรับรายละเอียดของ Lamborghini Aventador S คันนี้เป็นโฉมใหม่ล่าสุด และเป็นรุ่นสูงสุดของค่าย Lamborghini ที่ใช้เครื่องยนต์วี 12 หรือเครื่องยนต์ 12 สูบวางกลาง ระบบ N/A ที่เรียกได้ว่าไม่มีคู่แข่ง และเป็นรุ่นเดียวในโลก มาพร้อมกับความสวยและโดดเด่นด้วยงานออกแบบรูปลักษณ์ภายในใหม่ ที่เน้นเรื่องสมรรถนะในด้านหลักอากาศพลศาสตร์ ระบบช่วงล่างที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ การเพิ่มกำลังและพลวัตรในการขับขี่ โดยคำว่า S ที่ถูกต่อท้ายชื่อรุ่นนั้นแสดงให้เห็นการพัฒนาและปรับปรุงจากรุ่นเดิม และเป็นการแสดงให้เห็นถึงการยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับรถสปอร์ตที่ใช้เครื่องยนต์วี12 ของ Lamborghini ส่วนเรื่องความแรงของเครื่องยนต์นั้นการันตีอัตราเร่งที่ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 9 วินาที และความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง

มาดูที่การดีไซน์ภายนอกกันบ้าง Lamborghini ยังคงเน้นความโฉบเฉี่ยว เท่ สปอร์ตในแบบของตัวเอง แต่รุ่นนี้ออกแบบให้ตัวถังด้านหน้ามีความดุดันมากขึ้น และมีการติดตั้งแผ่นรีดอากาศที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะช่วยในเรื่องการควบคุม ทิศทางการไหลของลมขณะที่รถกำลังแล่น เพื่อประสิทธิภาพในด้านหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการระบายความร้อนของเครื่องยนต์และหม้อน้ำ ท่อนำอากาศ 2 ท่อที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างกันชนหน้า จะช่วยลดแรงต้านที่ส่งผลต่อความเพรียวลมตรงบริเวณยางของล้อหน้า และยังช่วยทำให้อากาศมีการไหลเข้าสู่หม้อน้ำที่อยู่ทางด้านท้ายได้ดีขึ้น

ด้านท้ายของ Aventador S มีความโดดเด่นด้วยชุดรีดอากาศ Diffuser ที่มีสีดำขนาดใหญ่ และผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมรูปทรงที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยครีบที่วางตัวในแนวตั้งหลายชิ้น ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลต่อทิศทางการไหลของลม ช่วยลดแรงฉุดที่เกิดขึ้นในขณะที่รถกำลังแล่น และสามารถสร้างแรงกดบนตัวถัง โดยที่ตำแหน่งปลายท่อไอเสียบนกันชนท้ายประกอบไปด้วย 3 ปลายท่อ

สปอยเลอร์ด้านหลังสามารถปรับได้ 3 ระดับ ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้และโหมดการขับขี่ที่ถูกเลือก ซึ่งระดับการยกตัวของสปอยเลอร์หลังจะมีผลต่อความสมดุลโดยรวมของตัวรถ และทำงานร่วมกับตัวสร้างกระแสลมหมุน หรือ Vortex Generator ซึ่งอยู่ในตำแหน่งด้านล่างของระบบช่วงล่างด้านหน้าและหลัง ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของกระแสลมได้อย่างสูงสุด เช่นเดียวกับการช่วยระบายความร้อนให้กับระบบเบรก

จากความโดดเด่นของงานออกแบบที่มีอยู่ใน Aventador S นั้น สามารถยกระดับประสิทธิภาพทางด้านหลักอากาศพลศาสตร์ได้เป็นอย่างดี แรงกดบนตัวถังด้านหน้าได้รับการปรับปรุงให้เพิ่มขึ้นถึง 130% เมื่อเปรียบเทียบกับ Aventador ตัวถังคูเป้รุ่นที่แล้ว และเมื่อแพนอากาศด้านหลังอยู่ในตำแหน่งที่มีประโยชน์สูงสุดในด้านหลักอากาศพลศาสตร์ จะสามารถสร้างแรงกดบนตัวถังที่ดีขึ้นจากเดิมถึง 50% และลดแรงกระชากที่เกิดขึ้นบนตัวถังได้มากกว่า 400% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม

การควบคุมในแนวราบนั้นเป็นผลมาจากการปรับปรุงการทำงานของระบบ ESC ให้มีความแม่นยำมากขึ้น และรวดเร็วขึ้นในการควบคุมการยึดเกาะและพลวัตรในการขับเคลื่อนของตัวรถ จากการทดสอบอย่างยาวนานบนพื้นผิวที่หลากหลาย ทั้งบนหิมะและน้ำแข็ง Aventador S ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของการยึดเกาะ และสามารถตอบสนองด้วยประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสภาพพื้นผิวถนน และยังช่วยเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมรถได้อีกด้วย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบถาวรของ Aventador S ได้รับการปรับแต่งเพื่อสมรรถนะในการทรงตัวและยึดเกาะสูงสุด ซึ่งเป็นผลมาจากระบบ Lamborghini Rear-wheel Steering ทำให้สามารถส่งผ่านแรงบิดจากเครื่องยนต์ได้มากขึ้น โดยเมื่อมีการถอนคันเร่ง แรงบิดที่ถูกถ่ายทอดไปล้อหน้าจะลดลง และทำให้ตัวรถมีลักษณะการขับคล้ายกับท้ายปัด หรือ Oversteer ทว่ามีความปลอดภัยและมั่นใจได้อย่างเต็มที่

เล่าคุณสมบัติและความล้ำของเจ้า Lamborghini Aventador S มาซะขนาดนี้ แน่นอนราคาก็ล้ำพอๆ กันด้วย โดยเปิดราคามาที่ 38.7 ล้านบาท! อ่านไม่ผิดนะจ๊ะ ราคานี้จริงๆ และสำหรับใครที่สนใจ เห็นว่าตอนนี้มีนำเข้ามาขายที่ประเทศไทยแล้วด้วย แต่ด้วยสมรรถนะของรถที่แรงและเร็วขนาดนี้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าขับไปแล้วจะเสียอารมณ์แทนหรือเปล่า เพราะถนนบ้านเรารถติดเกิ๊นนนน

 

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up