5 เหตุการณ์เดือนตุลาฯ แห่งความทรงจำ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มหาราชแห่งแผ่นดิน

นับตั้งแต่เดือนตุลาคมเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ.2559) ความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติก็ไม่เหมือนเดิม และคงเป็นเดือนแห่งความทรงจำที่ทุกคนระลึกถึงพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งอย่าง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไปตลอดกาล

วีรสตรีคู่พระบารมี สมเด็จพระบรมราชินีนาถ 2 รัชกาล

วีรสตรีคู่พระบารมี สมเด็จพระบรมรชินีนาถ 2 รัชกาล …อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาล แม้จะเป็นคนละรัชสมัยของการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

งดงามตราตรึง พระบรมสาทิสลักษณ์ 2 มหาราช ผลงานจรดพู่กันของ 10 ศิลปินระดับชาติ

งดงามตราตรึง พระบรมสาทิสลักษณ์ 2 มหาราช ผลงานจรดพู่กันของ 10 ศิลปินระดับชาติ..นับว่าเป็นครั้งแรกของการรวมเหล่าศิลปินระดับประเทศที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษ ซึ่งปรากฏอยู่ในแพรวฉบับพิเศษ “ตุลามหาราช” ในการวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ของสองมหาราชที่ทรงเป็นดังศูนย์รวมจิตใจของคนไทยท้ังชาติ

สานต่อพระราชไมตรีจากรุ่นสู่รุ่น ราชวงศ์ไทย-ญี่ปุ่น ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยาวนาน

สานต่อพระราชไมตรีจากรุ่นสู่รุ่น ราชวงศ์ไทย-ญี่ปุ่น ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยาวนาน… นับเป็นเรื่องราวความบังเอิญที่น่าปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับในช่วงเวลานี้ของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเสด็จขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์พระองค์ใหม่ นั่นคือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 และสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ที่เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 และจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 22 ตุลาคม 2562 แต่เรื่องราวที่น่าปลาบปลื้มใจไปกว่านั้น คือความสัมพันธ์ของทั้งสองราชวงศ์ ไทยและญี่ปุ่น ที่แน่นแฟ้นและยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ตั้งแต่รัชสมัยของกษัตริย์พระองค์ก่อนหน้า หรือพระราชบิดาของกษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ที่ทรงมีพระราชไมตรีต่อกันดุจพระเชษฐาและพระอนุชา จวบจนวาระสุดท้ายของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ในขณะที่ทรงเจริญพระชนมพรรษามากแล้ว แต่ก็ยังตั้งพระทัยในการเสด็จฯเยือนประเทศไทย เพื่อถวายพระราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วยพระองค์เอง แม้ในวันนี้ทั้งสองแผ่นดินจะผลัดเปลี่ยนยุคสมัยแล้วก็ตาม แต่พระราชไมตรีของพระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ก็ได้รับการสานต่อจากพระราชโอรสเป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้จากเหตุการณ์น่าประทับใจดังต่อไปนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงพระราชไมตรีจากรุ่นสู่รุ่นของทั้งสองราชวงศ์ เหตุการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน 2549 ครั้งที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ เสด็จฯเยือนประเทศไทย เพื่อทรงเข้าร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร […]

ย้อนชมภาพตราตรึงใจ พระราชไมตรีดุจพี่น้อง “ในหลวง ร.9 – จักรพรรดิอากิฮิโตะ”

ย้อนชมภาพตราตรึงใจ พระราชไมตรีดุจพี่น้อง “ในหลวง ร.9 – จักรพรรดิอากิฮิโตะ”… ปีนี้นับเป็นปีมหามงคลของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุอันเป็นมงคลเดียวกัน นั่นคือการเสด็จขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการของพระประมุขพระองค์ใหม่ นั่นคือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 และเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 และจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ทั้งนี้อีกหนึ่งความน่าปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง คือการที่พระราชบิดาของทั้งสองพระองค์ นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ทรงมีพระราชไมตรีต่อกันมาเป็นเวลาช้านานแล้ว อีกทั้งยังทรงมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นประดุจพระเชษฐาและพระอนุชาเลยทีเดียว ซึ่งนั่นทำให้ราชวงศ์ไทยและราชวงศ์ญี่ปุ่นเปรียบดั่งมิตรแท้ รวมถึงยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านอื่นๆ อีกด้วย ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ แพรวดอทคอม จึงขอพาทุกคนย้อนไปชมภาพประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยาวนานของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองพระองค์ ความสัมพันธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2506 เมื่อครั้งที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จฯเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพื่อเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ […]

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ อัญเชิญพระบรมราโชวาท ในหลวง ร.9 ‘ส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมือง’

เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 23 มีนาคม 2562 สำนักพระราชวัง ได้ออกประกาศสำนักพระราชวัง มีใจความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เลขาธิการพระราชวังอัญเชิญพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พุทธศักราช 2512 ความหนึ่งตอนว่า “ขอให้ทราบถึงสิ่งสำคัญในการปกครองไว้ว่าในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมความดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้” ทั้งนี้ ทรงมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนในชาติ ตลอดจนข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทั้งข้าราชการพลเรือน ทหาร และตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศชาติและบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน ได้ทบทวนและตระหนักถึงพระบรมราโชวาทที่ได้พระราชทานไว้ ด้วยทรงมีความห่วงใยในความมั่นคงของประเทศชาติ ความรู้สึกและความสุขของประชาชน จึงได้พระราชทานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเป็นการเตือนสติ ให้น้อมนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสมัครสามานสามัคคี ความมั่นคงของชาติบ้านเมือง และความสุขของประชาชน เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงรักและห่วงใยในชาติบ้านเมืองและประชาชนมาโดยตลอด  […]

ทำดีด้วยหัวใจ… ปอ-ศีกัญญา ลุยซ่อมอุโมงค์ดอกไม้ปากคลองฯถวาย ‘พ่อหลวง’

จัดว่าเป็นสาวไฮโซสาวคุณภาพตัวจริง ปอ-ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์ ทายาทกิจการโรงแรมดัง เรอเนซองส์ ในเครือแมริออท และผู้บริหารแบรนด์  Kilping Thailand ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน ช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตไม่นาน ตอนนั้นประชาชนต่างหลั่งไหลเข้าไปในพื้นที่ท้องสนามหลวงอย่างเนืองแน่น เพื่อรอเข้าสักการะพระบรมศพ หลายคนน่าจะยังจำภาพ สาวปอ ที่ลงลุยเป็นจิตอาสาคอยแจกพัดให้แก่คนที่มารอเข้าแถวยาวสุดลูกหูลูกตาได้ แล้วอีกแพร้บเธอก็ไปถอยรถตุ๊กๆ ออกมาขับบริการรับ-ส่งผู้ที่ต้องการจะเข้าไปในพื้นที่แบบฟรีๆ  พอมีคนไม่ยอมนั่งฟรี  จ่ายเงินให้ เธอก็นำเงินทั้งหมดนั้นไปมอบให้มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งถือเป็นความใจที่น่ายกย่องสุดๆ และล่าสุด ก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ชาวแม่ค้าปากคลองตลาดรวมตัวกับจิตอาสา ช่วยกันจัดงาน ‘ดอกไม้เพื่อพ่อ’ ถนนดอกไม้ยาว 400 เมตร ช่วงระหว่างวันที่ 21-27 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการถวายสักการะแด่ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ปรากฏว่าหลังจากเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้เพียง 2 วัน อุโมงค์ดอกไม้ที่ทุกแรงกายแรงใจช่วยกันทุ่มเทจัดอย่างสวยงามอลังการก็มีเหตุชำรุดจากจำนวนคนที่เข้าชมเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องประกาศหาจิตอาสาเข้าช่วยซ่อมแซมเป็นการด่วน และหนึ่งในจิตอาสาที่ลงพื้นที่ซ่อมแซมอุโมงค์ดอกไม้ท่ามกลางสายฝนก็คือไฮโซสาว ปอ-ศีกัญญา คนสวยนี่เอง โดยมีคุณสามี กอล์ฟ-ณชนก รัตนทารส  คอยช่วยอยู่ข้างๆ บอกตรงๆ ว่าเห็นภาพในไอจีแล้วตื้นตันกับใจที่เธอมีเหลือเกิน ยิ่งอ่านแคปชั่นของภาพๆ นึงที่เธอโพสต์ โอ้ย…น้ำตาปริ่ม   “พวกเราจะทำความดีให้มากกว่านี้ พวกเราจะรักและสามัคคีกันไปจนวันสุดท้าย […]

สิ้นขบวนสุดท้าย เสด็จสู่สวรรคาลัย ธ สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ร่วมพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนสุดท้าย ทรงอัญเชิญพระผอบ พระบรมราชสรีรางคารในหลวงรัชกาลที่9 บรรจุ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 60 เวลา 17.30 น.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทรงอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ออกจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรีไปบรรจุ ณ ฐานพุทธบัลลังก์ พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยมีขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วที่ 6 ซึ่งพันโทหญิง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ องค์ผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ทรงม้านำขบวนอย่างสมพระเกียรติ      โดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 ใช้เส้นทางออกประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวขวาไปตามถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลยาณไมตรี ข้ามสะพานช้างโรงสี […]

ความโทมนัส ในพระราชหฤทัยแลพระทัย ใครเล่าจะรู้หรือเข้าใจได้ทั้งหมด

ความโทมนัส ใดเล่าจะสาหัสยิ่งใหญ่เท่าทุกข์จากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทว่าสังขารมีความเสื่อมฉันใด เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นธรรมดาโลกฉันนั้น และแม้ผู้คนจะรู้ถึงสัจธรรมความจริงข้อนี้ ก็ยังยากเหลือเกินที่จะหักห้ามความเศร้าโศกไม่ให้เกิด โดยเฉพาะห้วงเวลาปีกว่าที่ผ่านมา นับจากวันที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งหากเราสามารถแปรความเสียใจเป็นมวลสารหนึ่งก้อน น้ำหนักความเสียใจของลูกหลานไทยครั้งนี้ก็ช่างหนักอึ้งจนเกินบรรยาย คำถามคือ แล้วจะมีสักกี่คนที่รู้หรือเข้าใจถึงน้ำหนักแห่ง ความโทมนัส ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงต้องเผชิญอยู่ หลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า… ขัตติยมานะ ทำให้เจ้านายพระองค์นั้นพระองค์นี้ต้องทรงความเข้มแข็ง ต้องไม่ทรงเผยความอ่อนแอให้ประชาชนเห็น ทว่าในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งผ่านพ้นไปแล้วทุกกระบวนการขั้นตอนอย่างสง่างาม สมพระเกียรติสูงสุด แต่ท่ามกลางเสียงร่ำไห้อาดูรของประชาชนที่อยู่ในพระราชพิธีฯพระผู้เสด็จสวรรคาลัย สิ่งที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทอดสดด้วยระบบ HD โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย รวมกับการที่โลกขับเคลื่อนด้วยสื่อโซเชียล ก็ทำให้พสกนิกรที่ชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศอยู่หน้าจอทีวีหรือช่องทางออนไลน์ได้เห็นถึงแววพระเนตรทุกข์ตรม และสีพระพักตร์โศกศัลย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์   เพราะนับจากวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ไทยต้องสูญเสีย ‘พ่อแห่งแผ่นดิน‘ วันนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ก็ต้องทรงสูญเสีย ‘ทูลกระหม่อมพ่อ ทูลกระหม่อมปู่ หรือทูลกระหม่อมตา’ เช่นกัน เทียบกับยามที่เราอ่านพบว่า ในหลวงรัชกาลทื่ ๙ เคยทรงเปล่งสัจจะวาจาไว้ว่า “ไม่ต้องจำว่าฉันคือใคร […]

ริ้วขบวนพระอิสริยยศที่ ๕ อัญเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐานพระวิมาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

วันนี้ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งถือเป็นวันที่พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในช่วงบ่ายที่ผ่านมาก็ได้มีการอัญเชิญพระบรมอัฐิประดิษฐานพระวิมาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

หรือนี่คือเหตุผลที่พระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต้องแบ่งบรรจุ ๒ วัด

จากข่าวรายละเอียดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่มีการระบุว่า เวลา ๑๐.๓๐ น. ของวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๐ จะมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลและเชิญพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สถานที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิพระเจ้าแผ่นดินทุกรัชกาล โดยริ้วกระบวนที่ ๕ ส่วนเวลา ๑๗.๓๐ น. เป็นพระราชพิธีเชิญพระบรมราชสรีรางคาร(เถ้ากระดูก)ไปบรรจุ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยริ้วกระบวนที่ ๖ ซึ่งพันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงม้านำในริ้วขบวนนี้ ทำให้มีบางคนสงสัยว่า เหตุใดพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงต้องแบ่งไปบรรจุถึง ๒ วัด เพราะตามราชประเพณีโบราณ การถวายพระเพลิงพระบรมศพและการบรรจุพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคารนั้น มีธรรมเนียมว่าหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ในวันรุ่งขึ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาทรงเก็บพระบรมอัฐิลงพระโกศด้วยพระองค์เอง โดยจะทรงเก็บพระบรมอัฐิอย่างละชิ้นจนครบพระสรีระ จากนั้นอัญเชิญใส่พระโกศเพื่อไปประดิษฐานที่ “หอเก็บพระบรมอัฐิ” ซึ่งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ส่วนพระบรมอัฐิที่เหลือ จะมีทั้งที่ให้พระราชโอรส พระราชธิดา และพระประยูรญาติใกล้ชิดทรงเก็บไปบูชา และให้เจ้าหน้าที่ทำการแปรสภาพเป็นพระบรมราชสรีรางคาร […]

ถวายพระเพลิงพระบรมศพจริง ความเศร้าปกคลุมใจคนไทยทั้งประเทศ

สัญญาณถวายพระเพลิงพระบรมศพ กลุ่มควันสีขาวลอยเหนือพระเมรุมาศ ประชาชนรอบโดยรอบก้มกราบส่งพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 60 เวลา  23.20 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนบริเวณโดยรอบสนามหลวงได้หันหน้าไปยังพระเมรุมาศพร้อมก้มกราบพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ภายหลังกลุ่มควันสีขาวลอยเหนือพระเมรุมาศซึ่งเป็นสัญญาณการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร อย่างแท้จริง ทั้งนี้ประชาชนหลายคนร้องไห้เสียใจอย่างที่สุดนับเป็นบรรยากาศเศร้าโศกที่หลายคนคงจดจำไปชั่วชีวิต ภาพจาก : dhammatan

จารึกภาพค่ำคืนสุดท้าย ก่อนถวายพระเพลิงในหลวงรัชกาลที่๙

จารึกภาพค่ำคืนสุดท้าย ก่อนถวายพระเพลิงในหลวงรัชกาลที่๙…

ถ้าจะถามว่าค่ำคืนนี้เหมือนหรือแตกต่างจากวันที่ 13 ตุลาคม 2559 อย่างไร?… คงตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากค่ำคืนของวันนี้ ก็คงอารมณ์เดียวกับคนไทยทุกคน ที่กำลังเฝ้ารอวันที่คนไทยอยากให้มาถึงช้าที่สุด ในพระราชพิธีถวาพระเพลิงพระบรมศพ พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวไทยมาตลอด 70 ปี “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร”

‘พระองค์ที’ ร่วมทำหน้าที่จิตอาสา ถวายงานเพื่อทูลกระหม่อมปู่ครั้งสุดท้าย

แม้จะสเด็จกลับมายังประเทศไทยได้ไม่นาน แต่ก็ทำให้คนไทยปลื้มใจอีกครั้งเมื่อได้เห็นเจ้าชายพระองค์น้อย “พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ” หรือ “พระองค์ที” ได้มาร่วมทำหน้าที่จิตอาสา บริการประชาชนที่มาร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่๙

สถิตในใจตราบนิรันดร์ นิตยสารแพรวฉบับพิเศษ “รักพ่อไม่เปลี่ยนแปร”

แพรว ๙๑๖ ฉบับพิเศษ พาคุณผู้อ่านไปร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และแสดงความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กับทุกย่างก้าวของของพ่อ ที่อยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทย ว่ากันว่าความรักนั้นเป็นพลังขับเคลื่อนให้เราได้มีชีวิตก้าวต่อไป ความรักทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความรักคอยเป็นกำลังใจให้เราแข็งแรงและพร้อมสู้ต่อไป แต่ความรักแบบไหนกันที่ทำเพื่อให้คนหมู่มากมีความสุข เรามีคำตอบให้คุณ กับ ๙ สิ่งที่พ่อรัก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ รักที่พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ มอบให้กับประชาชนชาวไทย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชานุญาตให้นิตยสาร แพรว เข้าเฝ้าฯเพื่อรับประทานสัมภาษณ์จาก พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ สำหรับเชิญลงในนิตยสาร แพรว ฉบับพิเศษนี้นับเป็นบทประทานสัมภาษณ์ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ยากจะหาอ่านได้จากที่ไหน หลายคนเก็บความสุขไว้ในภาพความทรงจำ หรือภาพถ่าย เมื่อคิดถึงอีกครั้งก็หยิบภาพเหล่านั้นขึ้นมาดูเพื่อนึกถึงความรู้สึกที่มีความสุขในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับ ๙ ช่างภาพในรัชกาลที่ ๙ จากสายตาผ่านเลนส์ของช่างภาพผู้มีโอกาสถวายงานด้วยการฉายพระรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ถ่ายทอดเรื่องราวการตามเสด็จ พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์อันเป็นที่สุดของความภาคภูมิใจ บันทึกเป็นประวัติศาสตร์ให้คนไทยกว่า ๖๐ ล้านคนได้ร่วมชื่นชมพระบารมี และระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน นอกจากภาพพระราชกรณียกิจต่างๆ ของ พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งประชาชนชาวไทยได้เห็น จากฝีมือการถ่ายของ ๙ ช่างภาพ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์มานาน […]

ไปรษณีย์ไทย เริ่มจำหน่าย แสตมป์พระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ เริ่ม 25 ต.ค. นี้

ไปรษณีย์ไทย เริ่มจำหน่ายแสตมป์พระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ 25 ต.ค.นี้ ทั่วประเทศ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าฟ้าหญิงผู้ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระทัย

ในช่วงวันที่ผ่านมา ภาพของราชวงศ์หญิงพระนาม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีพระพักตร์เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ อยู่ท่ามกลางอากาศร้อน แดดเผา และทรงร่วมเดินซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมอิสริยยศเสมือนจริงอย่างแข็งแกร่ง น่าจะเป็นภาพที่ชาวไทยหลายคนมองแล้วเลื่อมใสและชื่นชมต่อพระองค์อยู่ไม่น้อย

ตุลามหาโศก ประวัติศาสตร์ไทยต้องจารึก พสกนิกรร่ำไห้ทั้งแผ่นดินหลายคราครั้งนัก

ตุลามหาโศก คือความจริงแท้ที่พสกนิกรไทยจำต้องจารึกไว้ เพราะนี่ไม่ใช่เดือนที่ไทยสูญเสียองค์ราชันผู้เป็นที่รัก ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น  เพราะหากนับย้อนประวัติศาสตร์ราชวงศ์ไทยที่ผ่านมา เดือนตุลาคมคล้ายเป็นเดือนถูกสาป ด้วยไทยต้องร่ำไห้อาดูรต่อการจากไปของพระมหากษัตริย์และเจ้านายฝ่ายในแห่งราชวงศ์จักรีถึงอีก ๔ พระองค์ และนี่คือรายพระนาม ๓ พระมหากษัตริย์ และ ๒ เจ้านายฝ่ายใน ที่สวรรคตแลสิ้นพระชนม์ในเดือน ตุลามหาโศก เหมือนกัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ย้อนกลับไป ณ เวลา ๑๙.๐๐ น. ของวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ หลังเสียงประกาศข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ ๙ หัวใจไทยทุกดวงที่เคยมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นศูนย์รวมจิตใจก็ปริแตก แหลกสลาย รัก อาดูร สูญสิ้น คือความรู้สึกร่วมของคนไทยที่เกิดในแผ่นดินไทยทุกคนนับตั้งแต่ห้วงเวลานั้นเรื่อยยาวมาจนถึงบัดนี้ ๗๐ ปีแห่งการครองราษฎร์ ด้วยพระปณิธานแน่วแน่ที่จะขจัดทุกข์ให้กับประชาชนทุกภาคส่วน เป็นสาเหตุให้พระวรกายและพระทหัยอ่อนล้ากระทั่งทรงประชวรด้วยโรคพระปัปผาสะ(ปอด)อักเสบ จนต้องเสด็จฯเข้าประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราชเป็นหลักในช่วงปลายพระชนม์ชีพ กระทั่งวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ทรงมีพระปรอทต่ำ หายพระทัยเร็ว […]

keyboard_arrow_up